วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รวมคำสั่ง unix เพื่อเข้าสู่การ hack

รวมคำสั่ง unix เพื่อเข้าสู่การ hack

รวมคำสั่ง unix เพื่อเข้าสู่การ hack

คำสั่ง Unix ที่ใช้เป็นประจำ
Unix เป็นระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กับแพร่หลายบนระบบขนาดใหญ่ และในปัจจุบันยังมีระบบปฏิบัติการในลักษณะของ Unix-like เกิดขึ้นมากมาย และ เริ่มเป็นที่นิยมใช้กันมากหลายยิ่งขึ้นบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เอกสารชุดนี้จึงสรุปคำสั่งบน Unix ที่มักใช้เป็นประจำโดยมีการยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับ DOS/Windows พร้อมกับอธิบายถึงส่วนขยายเพิ่มเติมของคำสั่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เริ่มหัดใช้ Unix ทั่วไป

ความรู้พื้น ฐานเกี่ยวกับ Unix ที่ควรทราบ
Unix เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Multi User และ Multi Tasking ซึ่งแตกต่างจาก Window ที่เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Multi Tasking แต่ไม่เป็น Multi User กล่าวคือ ณ เวลาหนึ่งๆ บนระบบ Unix จะมีผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ได้มากกว่า 1 คนพร้อมกัน ทำให้ Unix มีระบบการจัดการ Permission และระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลดีกว่าและซับซ้อนกว่า DOS/Window
ระบบ File System ของ Unix นั้นจะเป็นระบบ Single Root กล่าวคือจะมี Logical Driver เพียง Drive เดียวเท่านั้น และกรณีมี Harddisk หลายตัวหรือหลาย Partition แต่ละ Partition จะถูกกำหนดให้เป็นเพียง Directory ย่อยของระบบ ซึ่งจะต่างกับ DOS/Window ที่เป็นระบบ Multiple Root ที่จะแยก Drive / Parition ตามตัวอักษร เช่น A: , C: เป็นต้น
เนื่องจาก Unix เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาด้วยภาษา C ดังนั้นชื่อต่างๆ บน Unix จึงมีลักษณะเป็น Case-sensitive เช่น กรณีแฟ้มข้อมูลชื่อ MyFile กับ myfile จะเป็นแฟ้มข้อมูลคนละชื่อกัน
ระบบ Permission ของ Unix จะแบ่งเป็น 3 ระดับคือ ระดับเจ้าของ (User หรือ Owner) ระดับกลุ่ม (Group) และ ระดับบุคคลอื่น (Other) โดยในแต่ละระดับจะแบ่งออกเป็นสิทธิในการประมวลผล (execute) การอ่าน (read) และ การเขียน (write) ทั้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ดูจากคำสั่ง chmod
กรณี ที่ผู้ใช้กระทำคำสั่งใดผิดพลาดนั้น บน Unix เราสามารถที่จะ Interrupt เพื่อยกเลิกการทำงานของคำสั่งหรือโปรแกรมนั้นๆ ได้โดยการกด CTRL + C
มาตรฐาน ของระบบ Keyboard บนเครื่อง Unix บางเครื่องอาจจะแตกต่างกับมาตรฐาน Keyboard บนเครื่องที่เราใช้อยู่ ดังนั้นในบางกรณี เช่น การ telnet จากเครื่องอื่นเข้าสู่ระบบ Unix เราจึงไม่อาจใช้ Key บางอันตามปกติได้ เช่น backspace ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้เราสามารถใช้ backspace ได้ตามปกติจึงต้องมีการ map key ใหม่ด้วยการเรียกคำสั่ง stty erase [backspace]
คำสั่งเกี่ยวกับการจัดการแฟ้มข้อมูล
ls
เป็นคำสั่งที่ ใช้สำหรับแสดงแฟ้มข้อมูล (ในทำนองเดียวกับ dir) มากจากคำว่า list

โครง สร้างคำสั่ง

ls [option]... [file]...

โดย option ที่มักใช้กันใน ls คือ

-l จะแสดงผลลัพธ์แบบ Long Format ซึ่งจะแสดง Permission ของแฟ้มด้วย

-a จะแสดงแฟ้มข้อมูลทั้งหมด

-F จะแสดง / หลัง Directory และ * หลังแฟ้มข้อมูลที่ execute ได้


ตัวอย่าง

ls -l

ls -al

ls -F

ls /usr/bin

แหล่งข้อมูล เพิ่มเติม : ls --help และ man ls

cp
เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับ สำเนาแฟ้มข้อมูล (ในทำนองเดียวกับ copy) มาจากคำว่า copy

โครงสร้าง คำสั่ง

cp source target

ตัวอย่าง

cp test.txt test1.bak

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : cp --help และ man cp

mv
เป็น คำสั่งที่ใช้สำหรับการย้ายแฟ้มข้อมูลและ Directory รวมถึงการเปลี่ยนชื่อด้วย (ในทำนองเดียวกับ move) มาจากคำว่า move

โครง สร้างคำสั่ง

mv source target

ตัวอย่าง

mv *.tar /backup

mv test.txt old.txt

mv bin oldbin

แหล่ง ข้อมูลเพิ่มเติม : mv --help และ man mv

rm
เป็นคำสั่งที่ใช้ สำหรับลบแฟ้มข้อมูล (ในทำนองเดียวกับ del) มาจากคำว่า remove

โครง สร้างคำสั่ง

rm [option]... [file]...

โดย option ที่มักใช้กันใน rm คือ

-r ทำการลบข้อมูลใน directory ย่อยทั่งหมด

-i โปรแกรมจะถามยืนยันก่อนทำการลบ

-f โปรแกรมจะลบข้อมูลทันที โดยไม่ถามยืนยันก่อน


ตัวอย่าง

rm -rf test/

rm test.doc

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : rm --help และ man rm

คำ สั่งเกี่ยวกับการจัดการ Directory / Folder

pwd
เป็นคำสั่งที่ใช้ สำหรับแสดง Directory ปัจจุบัน (ในทำนองเดียวกับการพิมพ์ cd บน DOS) มาจากคำว่า print work directory

โครงสร้างคำสั่ง / ตัวอย่าง

pwd

cd
เป็น คำสั่งที่ใช้สำหรับเปลี่ยน directory ปัจจุบัน (ในทำนองเดียวกับ cd) มาจากคำว่า change directory

โครงสร้างคำสั่ง

cd directory

โดย directory ในที่นี้อาจเป็น relative หรือ absolute path ก็ได้

ตัวอย่าง

cd /usr

cd ~ (เป็นการเข้าสู่ home directory)

cd - (เป็นการยกเลิกคำสั่ง cd ครั้งก่อน)

cd .. (เป็นการออกจาก directory 1 ชั้น

ข้อควรระวัง : คำสั่ง cd บน UNIX จะต้องมีเว้นวรรคเสมอ

mkdir
เป็น คำสั่งที่ใช้สำหรับการสร้าง directory (ในทำนองเดียวกับ dos) มาจากคำว่า make directory

โครงสร้างคำสั่ง

mkdir [option]... [file]...


โดย option ที่มักใช้กันใน mkdir คือ

-m จะทำการกำหนด Permissioin (ให้ดูคำสั่ง chmod เพิ่มเติม)

-p จะทำการสร้าง Parent Directory ให้ด้วยกรณีที่ยังไม่มีการระบุ

directory ในที่นี้อาจเป็น relative หรือ absolute path ก็ได้


ตัวอย่าง

mkdir /home

mkdir -p -m755 ~/local/bin


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : mkdir --help และ man mkdir

rmdir
เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับการลบ directory (ในทำนองเดียวกับ dos) มาจากคำว่า remove directory

โครงสร้างคำสั่ง

rmdir [option]... [file]...


โดย option ที่มักใช้กันใน mkdir คือ

-p จะทำการลบ Child และ Parent Directory ตามลำดับ

directory ในที่นี้อาจเป็น relative หรือ absolute path ก็ได้


ตัวอย่าง

rmdir /home

mkdir -p /home/local/data


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : rmdir --help และ man rmdir

คำสั่งเกี่ยวกับการค้นหาแฟ้มข้อมูล และ Permission
file
บน ระบบ DOS/Windows นั้น ประเภทของแฟ้มข้อมูลจะถูกระบุด้วยนามสกุล แต่ใน UNIX จะไม่มีนามสกุลเพื่อใช้ระบุประเภทของแฟ้มข้อมูล ดังนั้นการหาประเภทของแฟ้มข้อมูลจะดูจาก Context ภายในของแฟ้ม ซึ่งคำสั่ง file จะทำการอ่าน Content และบอกประเภทของแฟ้มข้อมูลนั้นๆ

โครงสร้าง คำสั่ง

file [option]... file

ตัวอย่าง

file /bin/sh

file report.doc


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : file --help และ man file

find
เป็น คำสั่งที่ใช้สำหรับค้นหาแฟ้มข้อมูล

โครงสร้างคำสั่ง

find [path].. expression

ลักษณะของ expression เช่น

-name [pattern] เพื่อใช้หาชื่อ file ตาม pattern ที่ระบุ

-perm [+-] mode เพื่อใช้หา file ตาม mode ที่ต้องการ

-user NAME หา file ที่เป็นของ user ชื่อ NAME

-group NAME หา file ที่เป็นของ group ชื่อ NAME

ตัวอย่าง

find -name *.doc

find /usr -perm +111 (หาแฟ้มที่มี Permission อย่างน้อยเป็น 111)


แหล่งข้อมูล เพิ่มเติม : file --help และ man file

chown
ใช้สำหรับเปลี่ยน เจ้าของแฟ้มข้อมูลหรือ Directory

โครงสร้างคำสั่ง

chown [option]... owner[:group] file หรือ

chown [option]... :group file


โดย option ที่มักใช้กันใน chown คือ

-R เปลี่ยน Permission ของทุกๆ แฟ้มย่อยใน Directory

ตัวอย่าง

chown krerk:users /home/krerk

chown nobody data.txt

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : chown --help และ man chown

chgrp
ใช้สำหรับเปลี่ยนกลุ่มเจ้าของ แฟ้มข้อมูลหรือ Directory

โครงสร้างคำสั่ง

chgrp [option]... group file

โดย option ที่มักใช้กันใน chgrp คือ

-R เปลี่ยน Permission ของทุกๆ แฟ้มย่อยใน Directory

ตัวอย่าง

chgrp users /home/krerk

chown nobody data.txt

แหล่งข้อมูลเพิ่ม เติม : chgrp --help และ man chgrp

chmod
ใช้สำหรับเปลี่ยนเจ้า ของแฟ้มข้อมูลหรือ Directory

โครงสร้างคำสั่ง

chmod [option]... mode[mode] file หรือ

chmod [option]... octalmode file


โดย option ที่มักใช้กันใน chown คือ

-R เปลี่ยน Permission ของทุกๆ แฟ้มย่อยใน Directory

และการอ้างอิง mode จะใช้ตัวอักษร u g o a + - r w x X s t u g o โดย

u หมายถึง User ผู้เป็นเจ้าของแฟ้ม

g หมายถึง Group ผู้เป็นเจ้าของแฟ้ม

o หมายถึง บุคคลอื่นๆ

a หมายถึง ทุกๆ กลุ่ม

r หมายถึง สิทธิในการอ่าน

w หมายถึง สิทธิในการเขียน/แก้ไข

w หมายถึง สิทธิในการ execute หรือ ค้นหา (ในกรณีของ Directory)

ส่วน s t u g และ o นั้น จะขอกล่าวถึงในเอกสารเรื่อง Unix Permission ต่อไป

เนื่องจากผลลัพธ์ ของคำสั่ง ls -l จะแสดงเป็นลำดับ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

$ ls -l krerk.jpg
-rw-r--r-- 1 pok pok 13201 เม.ย. 21 2000 krerk.jpg

ดัง นั้น การเขียน Permission อาจจะเขียนได้เป็นเลขฐาน 8 เช่น 644 หมายถึง 110100100 ซึ่งจะตรงกับ rw-r--r- เป็นต้น

ตัวอย่าง

chmod 750 /home/krerk (แก้ไขได้(เขียน)ได้เฉพาะเจ้าของแฟ้ม และสามารถ execute ได้เฉพาะกลุ่มและเจ้าของเท่านั้น)

chmod 644 data.txt (rw-r--r-- เจ้าของแฟ้ม อ่านและเขียนได้ กลุ่มเจ้าของแฟ้มและบุคคลอื่นๆ อ่านได้ )

(เพื่อ ประกอบความเข้าใจ ให้ผู้ใช้ลองเปลี่ยน mode และดูผลลัพธ์ด้วย ls -l)

แหล่ง ข้อมูลเพิ่มเติม : chmod --help และ man chmod

คำสั่งเกี่ยวกับการดู และ แก้ไขข้อมูลในแฟ้มข้อมูล

cat
ใช้ สำหรับดูข้อมูลภายในแฟ้มข้อมูล หรือ Standard Input และแสดงผลออกมาทาง Standard Output (ในทำนองเดียวกันกับคำสั่ง type) มาจากคำว่า concatinate

โครง สร้างคำสั่ง

cat [optioin]... [file]


โดย option ที่มักใช้กันใน chown คือ

-n เพื่อทำการแสดงเลขบรรทัด

ตัวอย่าง

cat data.txt

cat file1.txt file2.txt > file3.txt (นำข้อมูลใน file1.txt และ file2.txt มาต่อกัน แล้วเก็บไว้ใน file3.txt)

แหล่ง ข้อมูลเพิ่มเติม : cat --help และ man cat

more
สืบ เนื่องจากคำสั่ง cat ไม่เหมาะกับการดูข้อมูลที่มีความยาวมากๆ ดังนั้น จึงได้มีการพัฒนา more ขึ้น เพื่อช่วยให้สามารถดูข้อมูลที่มีขนาดยาวได้เป็นช่วงๆ

โครงสร้างคำ สั่ง

more file

ภายในโปรแกรม more จะมีคำสั่งเพื่อใช้งานคราวๆ ดังนี้

= แสดงเลขบรรทัด

q ออกจากโปรแกรม

<space> เลื่อนไปยังหน้าถัดไป

<enter> เลื่อนไปยังบรรทัดถัดไป

h แสดง help


ตัวอย่าง

more data.txt

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : man more และ help ของ more

less
less เป็นการพัฒนาคำสั่ง more ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก more จะไม่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ less จึงเป็นปรับปรุงและเพิ่มเติมเงื่อนไขบางอย่างให้ more

โครงสร้างคำ สั่ง

less file

ตัวอย่าง

less data.txt

แหล่ง ข้อมูลเพิ่มเติม : man less และ help ของ less

head
จะแสดงส่วน หัวของแฟ้มข้อมูล ตามจำนวนบรรทัดที่ต้องการ

โครงสร้างคำสั่ง

head [option] file


โดย option ที่มักใช้กันใน chown คือ

-n เพื่อทำการระบุบรรทัดที่ต้องการ (หากไม่ระบุจะเป็น 10 บรรทัด)

ตัวอย่าง

head data.txt

head -n 10 data.txt

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : head --help และ man head

tail
จะแสดงส่วนท้ายของแฟ้มข้อมูล ตามจำนวนบรรทัดที่ต้องการ

โครงสร้างคำสั่ง

tail [option] file


โดย option ที่มักใช้กันใน chown คือ

-n เพื่อทำการระบุบรรทัดที่ต้องการ (หากไม่ระบุจะเป็น 10 บรรทัด)

-c เพื่อระบุจำนวน byte

ตัวอย่าง

tail data.txt

tail -n 10 data.txt

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : tail --help และ man tail

คำ สั่งเกี่ยวกับผู้ใช้ และ การสื่อสาร

whoami
ใช้เพื่อแสดงว่าผู้ ใช้ซึ่ง login เข้าสู่ระบบนั้น (ตัวเราเอง) login ด้วยชื่ออะไร

โครง สร้างคำสั่ง/ตัวอย่าง

whoami หรือ

who am i (บน SUN OS หรือ UNIX บางตัวเท่านั้น)


who
ใช้เพื่อแสดงว่ามีผู้ใช้ใดบ้างที่ กำลังทำงานอยู่บนระบบ

โครงสร้างคำสั่ง/ตัวอย่าง

who


finger
ใช้ สำหรับแสดงรายละเอียดของผู้ใช้

โครงสร้างคำสั่ง

finger [user@host] หรือ

finger [@host]

กรณี ไม่ระบุชื่อ finger จะแสดงรายละเอียดของ User ที่กำลัง logon อยู่บนเครื่องนั้นๆ ทั้งหมด ซึ่งหากไม่ระบุ host ด้วย โปรแกรมจะถือว่าหมายถึงเครื่องปัจจุบัน

ตัวอย่าง

finger

finger krerk@vwin.co.th

finger krerk

finger @student.netserv.chula.ac.th

แหล่งข้อมูลเพิ่ม เติม : man finger


talk
ใช้สำหรับการพูดคุยระหว่างผู้ใช้ด้วย กันบนระบบ ซึ่งผู้ใช้ทั้งทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องพิมพ์คำสั่ง Talk ถึงกันก่อน จึงจะเริ่มการสนทนาได้

โครงสร้างคำสั่ง

talk user[@host] [tty]

กรณี ไม่ระบุ host โปรแกรมจะถือว่าหมายถึงเครื่องปัจจุบัน (นอกจากนี้ยังมีคำสั่ง ytalk ซึ่งสามารถพูดคุยได้พร้อมกันมากกว่า 2 คน) ซึงบางกรณีเราอาจจะต้องระบุ tty ด้วยหากมีผู้ใช้ Log in เข้าสู่ระบบด้วยชื่อเดียวกันมากกว่า 1 หน้าจอ

ตัวอย่าง

talk krerk@vwin.co.th

แหล่งข้อมูล เพิ่มเติม : man talk


write
จะใช้เพื่อการส่งข้อมูลทางเดียว จากผู้เขียนไปถึงผู้รับบนเครื่องเดียวกันเท่านั้น

โครงสร้างคำสั่ง

write user [tty]

เมื่อ มีการพิมพ์คำสั่ง write ผู้ใช้จะเห็นข้อความซึ่งจะแสดงว่าข้อความดังกล่าวถูกส่งมาโดยใคร ซึ่งหากผู้รับต้องการตอบกลับ ก็จะต้องใช้คำสั่ง write เช่นกัน เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วให้พิมพ์ตัวอักษร EOF หรือ กด CTRL+C เพื่อเป็นการ interrupt ทั้งนี้ข้อความที่พิมพ์หลังจาก write จะถูกส่งหลังจากการกด Enter เท่านั้น

ตัวอย่าง

write krerk

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : man write

mesg
จะใช้เพื่อควบคุมว่าผู้อื่นมีสิทธิที่จะส่งข้อ ความ write ถึงเราหรือไม่

โครงสร้างคำสั่ง

mesg [y | n]


โดย option มีความหมายคือ

y - หมายถึงผู้อื่นมีสิทธิที่จะส่งข้อความถึงเรา

n - หมายถึงผู้อื่นมีไม่สิทธิที่จะส่งข้อความถึงเรา

ตัวอย่าง

mesg y

mesg n

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : man mesg

คำสั่ง ทั่วไป / อื่นๆ
man
เพื่อใช้แสดงรายละเอียดข้อมูลของคำสั่ง หรือ วิธีการใช้แฟ้มข้อมูลต่างๆ มาจากคำว่า manual

โครงสร้างคำสั่ง

man [section]... manpage


โดย section ต่างๆ ของ manpage คือ

1 จะเป็น User Command

2 จะเป็น System Calls

3 จะเป็น Sub Routines

4 จะเป็น Devices

5 จะเป็น File Format

ตัวอย่าง

man printf

man 1 ls

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : man man

tar
ใช่ เพื่อการ backup และ restore file ทั้งนี้การ tar จะเก็บทั้งโครงสร้าง directory และ file permission ด้วย (เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้าย หรือแจกจ่ายโปรแกรมบนระบบ UNIX) มาจากคำว่า tape archive

โครงสร้าง คำสั่ง

tar [option]... [file]...


โดย option ที่มักใช้กันใน echo คือ

-c ทำการสร้างใหม่ (backup)

-t แสดงรายชื่อแฟ้มข้อมูลในแฟ้มที่ backup ไว้

-v ตรวจสอบความถูกต้องของการประมวลผล

-f ผลลัพธ์ของมาที่ file

-x ทำการ restore

ตัวอย่าง

tar -cvf mybackup.tar /home/*

tar -tf mybackup.tar

tar -xvf mybackup.tar

แหล่งข้อมูลเพิ่ม เติม : tar --help และ man tar

alias
เพื่อกำหนด macro ให้ใช้คำสั่งได้สะดวกมากขึ้น (แบบเดียวกันกับการกำหนด macro ด้วย doskey)

โครง สร้างคำสั่ง

alias macroname='command'


ตัวอย่าง

alias ll='ls -F -l'

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : man ของ Shell ที่ใช้อยู่

echo
แสดง ข้อความออกทาง standard output

โครงสร้างคำสั่ง

echo [option]... msg


โดย option ที่มักใช้กันใน echo คือ

-n ไม่ต้องขึ้นบรรทัดใหม่

ตัวอย่าง

echo -n "Hello"

echo "Hi.."

free -k

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : man echo

free
แสดง หน่วยความจำที่เหลืออยู่บนระบบ

โครงสร้างคำสั่ง

free [-b|-k|-m]


โดย option ที่มักใช้กันใน free คือ

-b แสดงผลลัพธ์เป็นหน่วย byte

-k แสดงผลลัพธ์เป็นหน่วย kilobyte

-m แสดงผลลัพธ์เป็นหน่วย megabyte


ตัวอย่าง

free

free -b

free -k

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : free--help และ man free

sort
ใช้ เพื่อทำการจัดเรียงข้อมูลในแฟ้มตามลำดับ (ทั้งนี้จะถือว่าข้อมูลแต่ละบรรทัดเป็น 1 record และจะใช้ field แรกเป็น key)

โครงสร้างคำสั่ง

sort [option] file


ตัวอย่าง

sort data.txt

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : sort --help และ man sort

การ Redirection และ Pipe
ทั้ง DOS/Windows และ UNIX ต่างก็มีความสามารถในการ Redirection และ Pipe ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งประโยชน์ของการ Redirection และ การ Pipe คือการที่สามารถนำโปรแกรมเล็กๆ หลายโปรแกรมมาช่วยกันทำงานที่ซับซ้อนมายิ่งขึ้นได้

การ Pipe คือการนำผลลัพธ์ที่ได้จากโปรแกรมหนึ่ง ไปเป็นอินพุทของอีกโปรแกรมหนึ่ง เช่น

ls | sort

เป็นการนำผลลัพธ์ที่ได้จาก ls ส่งเป็นอินพุตให้โปรแกรม sort ทำงานต่อเป็นต้น

การ Redirection คือการเปลี่ยนที่มาของอินพุต และ เอาพุตที่แสดงผลลัพธ์ จาก Keyboard หรือ จอ Monitor เป็นแฟ้มข้อมูล หรือ Device ต่างๆ เช่น

ls >list.txt

เป็นการนำผลลัพธ์ที่ได้ จาก ls เก็บลงในแฟ้มข้อมูลชื่อ list.txt เป็นต้น

ทั้ง นี้ การ Redirection จะเป็นการสร้างแฟ้มข้อมูลใหม่เสมอ ในกรณีที่ต้องการเขียนข้อมูลต่อท้ายอาจทำได้โดยการใช้ >> แทน > เช่น

ls >list.txt

pwd >> list.txt

ผลลัพธ์ จากคำสั่ง pwd จะแสดงต่อท้ายผลลัพธ์จากคำสั่ง ls ใน list.txt

ใน ทำนองเดียวกัน เราสามารถใช้ Redirection เพื่อรับข้อมูลจาก File ได้ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถ Run Program ที่ต้องการ Input แบบ Batch ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น